
เคยผมร่วงมากจนรู้สึกกังวลว่า ถ้าปล่อยทิ้งไว้อย่างนี้ ต่อไปจะเป็นปัญหาหรือไม่ ? หรือผมร่วงมากจนอาการผมบางลุกลาม ไม่ว่าใครๆ ก็คงต้องรู้สึกกังวลถ้าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นกับตัว เพราะหากปล่อยทิ้งไว้ ไม่แก้ไขก็อาจจะสายเกินไปได้
บทความนี้ จะพูดถึงสาเหตุของอาการที่ทำให้ผมร่วงมากขึ้น ตลอดจนข้อแนะนำ และวิธีการดูแลรักษา นอกจากนี้ จะอธิบายถึงระดับของผมร่วงที่ถือว่าปกติและสามารถรับได้
สำหรับใครที่ไม่ค่อยมั่นใจว่าอาการตอนนี้เป็นอย่างไร ผมร่วงมาก น้อยหรือเป็นปกติ ก็อยากให้ศึกษาบทความต่อไปนี้ดู
ปริมาณผมร่วงของคุณอยู่ในระดับที่พอรับได้หรือไม่ มาตรวจสอบกันดูว่าปัจจุบันคุณมีปัญหาผมร่วงในระดับใด
เดิมทีแล้ว เส้นผมของคนเราหากปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ ก็จะหลุดร่วงไปตามธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้น วิธีการพิจารณาถึงความจำเป็นในการเริ่มทำการรักษา คือ ไม่ใช่ดูว่ามีผมหลุดร่วงหรือไม่ แต่ต้องดูที่ปริมาณผมที่ร่วงด้วย ว่ามีมากน้อยหรือเป็นปกติ
แล้วปริมาณแค่ไหนกัน ที่เรียกว่า “ยังรับได้” เรามาเรียนรู้ด้วยกันจากบทความต่อไปนี้
ปริมาณผมร่วงปกติ คือ 50-100 เส้น ต่อ 1 วัน
เส้นผมแต่ละเส้นมีวงจรชีวิตของมัน วงจรชีวิตของเส้นผมคือ เส้นผมหนึ่งเส้น งอกออกมาจากรากผม ยาวขึ้น และสุดท้ายคือหลุดร่วง หลังจากนั้น ผมเส้นใหม่ก็งอกขึ้นมาแทน รวมเรียกว่า วงจรชีวิตของเส้นผม (Hair Cycle)
ภายใต้การทำงานของวงจรชีวิตของเส้นผม ถึงแม้ว่าหนังศีรษะจะไม่มีภาวะผิดปกติใดใด ใน 1 วัน ผมของคนเราก็หลุดร่วง ประมาณ 100 เส้นอยู่แล้ว และก็จะมีเส้นผม อีก 100 เส้น ที่งอกขึ้นมาแทนที่ทำให้มีปริมาณเส้นผมเป็นปกติ
กล่าวคือ เมื่อเราพิจารณาถึงวงจรชีวิตของเส้นผมนี้ หากปริมาณผมร่วง มีน้อยกว่า 100 เส้นต่อวัน “ถือว่าอยู่ในระดับปกติ” แต่หากมีปริมาณมากกว่า 100 เส้นต่อวันแล้ว ถือว่า “มากผิดปกติ” นั่นเอง
สังเกตุช่วงเวลาและจุดที่มีเส้นผมหลุดร่วงง่าย
ในกรณีที่ผมหลุดร่วงมากกว่า 100 เส้นต่อวัน เราคงเข้าใจแล้วว่า อยู่ในระดับที่ต้องใส่ใจและเริ่มระวังมากขึ้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การจะนับเส้นผมเพื่อรับทราบปริมาณที่แท้จริงของเส้นผมนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก ยิ่งจะให้นับปริมาณเส้นผมที่หลุดร่วงใน 1 วันยิ่งยากเข้าไปใหญ่ ดังนั้น ขอแนะนำให้ลองสังเกตดูว่า ช่วงเวลาและสถานที่ที่ผมหลุดร่วงง่ายว่าเป็นเมื่อไหร่ และที่ใด
อันดับแรก ก่อนอาบน้ำ ลองแปรงผมเบาๆ เพื่อกำจัดสิ่งสกปรกที่เกาะเส้นผมออก หลังจากนั้น ลองดูเส้นผมที่หลุดติดหวี หรือเส้นผมที่หลุดร่วงในบริเวณนั้น คุณจะสามารถทราบจำนวนผมร่วงเนื่องจากความเสียหายที่ได้รับระหว่างวันนั้นๆ ได้คร่าวๆ
หลังจากนั้น ให้อาบน้ำชำระร่างกายตามปกติ แล้วลองรวบรวมเส้นผมที่ไหลมารวมกันที่ที่กรองท่อระบายน้ำ และอย่าลืมตรวจเช็คก่อนอาบน้ำด้วยว่าไม่มีเส้นผมที่ที่กรองท่อระบายน้ำอยู่ก่อนแล้ว เนื่องจากต้องการรวบรวมปริมาณผมที่ร่วงใน 1 วัน
หลังจากอาบน้ำเรียบร้อยแล้ว เราจะใช้ไดร์เป่าผม ช่วงเวลานี้เองก็เป็นอีกช่วงหนึ่งที่สำคัญในการตรวจสอบการหลุดร่วงของเส้นผม
นอกจากนี้ ในระหว่างที่เรานอนหลับ เส้นผมจำนวนหนึ่งก็จะหลุดร่วงเช่นกัน เราอาจตรวจดูที่ที่นอน และที่หมอน เพื่อเช็คผมที่ร่วงได้ เมื่อนำช่วงเวลาต่างๆ เหล่านี้มารวมกัน ก็จะทำให้เราทราบปริมาณผมร่วงอย่างคร่าวๆใน 1 วันได้
หากต้องการดูแลรักษา-บรรเทาอาการผมบางโดยตรง แนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผม หรือ ยาปลูกผม
สำหรับคนที่ผมหลุดร่วงเพิ่มขึ้น และต้องการบำรุงรักษา ก็ควรใช้ยาปลูกผม หรือผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผม เพื่อทำการดูแลรักษาโดยตรง
การทบทวนวิธีการดำเนินชีวิต หรือพยายามไม่สะสมความเครียด ก็ถือเป็นวิธีการดูแลที่สำคัญยิ่ง เพื่อรักษาที่สาเหตุที่เป็นบ่อเกิดของอาการดังกล่าว การใช้ยาปลูกผม ผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผม เป็นวิธีการที่มีประสิทธิภาพโดยตรงและรู้สึกได้ถึงผลลัพธ์
ความแตกต่างระหว่างผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผม และยาปลูกผม
ทั้งผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผมและยาปลูกผม ต่างก็เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนช่วยแก้ปัญหาผมได้ทั้งคู่ แต่มีความแตกต่างกันบางอย่าง ขอให้ศึกษาดูความแตกต่าง เพื่อที่จะสามารถเลือกสิ่งที่เข้ากับสภาพปัญหาของตนได้อย่างเหมาะสม
ตารางด้านล่าง รวบรวมลักษณะเฉพาะ และความแตกต่างเอาไว้แล้ว โปรดใช้เป็นข้อมูลในการพิจารณา
หัวข้อเปรียบเทียบ | ผลิตภัณฑ์บำรุงเส้นผม | ยาปลูกผม |
---|---|---|
ประเภท | เวชสำอาง | ยาเวชภัณฑ์ |
วัตถุประสงค์ | เสริมการเติบโตของเส้นผม | ทำให้เส้นผมงอก |
สรรพคุณหลัก | ・กระตุ้นการสร้างเส้นผม ・ปรับสภาพหนังศีรษะ ・ป้องกันผมร่วง | ・ยับยั้งฮอร์โมนเพศชาย DHT ・ทำให้เส้นผมงอกใหม่ ・ป้องกันผมร่วง |
ผลข้างเคียงที่อาจเกิด | อาการคันหนังศีรษะ อักเสบ รังแค ผื่นแดง | อาการคันหนังศีรษะ อักเสบ รังแค ผื่นแดง ใจสั่น หน้ามืด มือ/เท้าบวม |
ถึงแม้ว่าผมจะร่วงเป็นจำนวนมาก แต่หากอาการผมบางเป็นช่วงเริ่มต้น ยังไม่ลุกลามจนเห็นชัด กรณีนี้แนะนำให้ดูแลอาการด้วยผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผมก่อน ในทางตรงกันข้าม หากทั้งอาการผมร่วง และผมบางลุกลามทั้งคู่ กรณีนี้จะขอแนะนำให้ใช้ยาปลูกผมที่ช่วยให้เกิดเส้นผมใหม่เพิ่มขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ในกรณีที่ซื้อยาปลูกผม จำเป็นต้องรับคำอธิบายวิธีการใช้จากเภสัชกร หรือปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ ในการเริ่มดูแลรักษาเส้นผม จึงอยากขอแนะนำวิธีที่ง่ายกว่าด้วยการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผม ที่สามารถซื้อหาได้ง่ายกว่าเพื่อแก้ไขเบื้องต้นก่อน
ขอแนะนำผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผม “โพลีเพียว อีเอ็กซ์” ที่มีส่วนผสมสารรักษาความชุ่มชื้นสูตรเฉพาะ
ในบรรดาผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผมมีมากมายหลายชนิด หลายคนคงสับสนและไม่รู้ว่าควรจะเลือกอย่างไร ดังนั้น จึงขอแนะนำ ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมที่ไม่ใช่ยา “โพลีเพียว อีเอ็กซ์”
”โพลีเพียว อีเอ็กซ์” มีสารรักษาความชุ่มชื้นสูตรเฉพาะ “ไบโอโพลีฟอสเฟต” ที่มุ่งตรงเข้าบำรุงรากผม นอกจากนี้ยังมีสารสกัดออกฤทธิ์ 5 ชนิด (สารสกัดจากโสม, Swertia japonica (สารสกัดสมุนไพรพื้นเมืองของญี่ปุ่น), Dipotassium Glycyrrhizate (สารสกัดรากชะเอมเทศ), Panthenyl Ethyl Ether, diphenhydramine hydrochloride) ที่ทำหน้าที่เข้าปรับสภาพหนังศีรษะ ช่วยป้องกันผมหลุดร่วง และยังมีสรรพคุณในการกระตุ้นการเกิดผมใหม่อีกด้วย
”โพลีเพียว อีเอ็กซ์” ให้ความสำคัญกับความอ่อนโยนของผิวที่อาจเกิดความระคายเคือง จุดเด่นอย่างหนึ่งของผลิตภัณฑ์ คือเป็นผลิตภัณฑ์ที่มีโอกาสเกิดความระคายเคืองต่ำ เนื่องจากผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผมที่ต้องสัมผัสกับหนังศีรษะ บางท่านอาจกังวลว่าจะมีผลข้างเคียง เกิดอาการคัน หรือผื่นแดงที่หนังศีรษะหรือไม่
โดยผลิตภัณฑ์ “โพลีเพียว อีเอ็กซ์” ผ่านการทดสอบอาการแพ้ และการทดสอบสารกัมมันตภาพรังสีในระหว่างกระบวนการผลิต ทำให้เป็นผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูเส้นผมที่คำนึงถึงภาระของหนังศีรษะ ผลิตโดยความระวัง และพยายามลดโอกาสการเกิดการระคายเคืองหรือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับผิวหนัง
”โพลีเพียว อีเอ็กซ์” ผ่านการทดสอบการระคายเคืองหลายขั้นตอน แต่สำหรับผู้ที่กังวลเกี่ยวกับความรู้สึกจากการใช้งานจริง เราขอแนะนำรีวิวเกี่ยวกับความรู้สึกหลังการใช้งานจากผู้ใช้บางส่วน ดังนี้ใช้แล้วรู้สึกดี !
จริงๆก็เกือบจะถอดใจไปแล้วกับผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผม แต่ผลิตภัณฑ์นี้ใช้ได้อย่างสบายใจโดยไม่มีกลิ่นแปลก ๆ หรือความเหนอะหนะแบบผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผมทั่วไป ความรู้สึกดีเวลาพ่นสเปรย์ลงหนังศีรษะ
คุณ 555 (อายุ 40 ปี)
ชอบความรู้สึกเวลาใช้
ไม่ทิ้งความรู้สึกเหนียวเหนอะหนะ แม้แต่คนที่มีหนังศีรษะมันก็ใช้ได้ดี นอกจากนี้ หลังได้ใช้ก็รู้สึกว่าผมมีน้ำหนัก มีสุขภาพดีขึ้นอีกด้วย
คุณ Kenbou1107(อายุ 40 ปี)
รู้สึกดี
มักใช้หลังแช่น้ำอุ่น ตอนที่ตื่นมาตอนเช้ารู้สึกว่าเหมือนว่าเซ็ตผมให้ดูมีวอลลุ่มมากขึ้นแล้ว แถมยังไม่มีกลิ่นฉุนด้วย ทำให้รู้สึกชอบมาก
คุณ ผู้ซื้อ (ไม่ระบุอายุ)
หมายเหตุ ไม่ได้หมายความว่าทุกคนจะไม่มีการแพ้ผลิตภัณฑ์นี้ อาการแพ้มีโอกาสเกิดขึ้นได้ขึ้นอยู่กับแต่ละบุคคล
3 สาเหตุที่ทำให้อาการผมร่วง

สาเหตุที่ทำให้ผมร่วง ส่วนมากเกิดจากสิ่งที่ทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมเสียสมดุล โดยสาเหตุหลักที่น่าจะเกิดจาก 3 ประการ ดังต่อไปนี้
- วิถีการดำเนินชีวิตและโภชนาการที่เสียสมดุล
- ความเครียดมากเกินไป
- สภาพหนังศีรษะที่ผิดปกติ
หากทราบถึงสาเหตุ ก็จะหาวิธีการดูแลรักษาที่เหมาะสมได้ ดังนั้น ในการที่จะหาวิธีการดูแลรักษาที่ถูกต้อง ก่อนอื่นต้องพยายามค้นหาสาเหตุก่อน
วิถีการดำเนินชีวิต อาหาร และโภชนาการที่เสียสมดุล
วิถีการดำเนินชีวิต อาหาร และโภชนาการที่ไม่สมดุล ก็อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้วงจรชีวิตของเส้นผมเสียสมดุลได้ การใช้ชีวิตที่ไม่เป็นระบบ มีหลายรูปแบบ อาทิ เช่น หากนอนไม่ต่อเนื่อง หลับไม่เพียงพอ โกรทฮอร์โมนก็จะไม่ถูกหลั่งออกมา และเป็นสาเหตุของขัดขวางการเติบโตของเส้นผม เซลล์สร้างเส้นผมไม่สามารถแบ่งตัว ทำให้เส้นผมก็ไม่เกิดขึ้นใหม่
นอกจากนี้ ผู้ที่สูบบุหรี่เป็นประจำ มีแนวโน้มที่วงจรชีวิตของเส้นผมจะเสียสมดุลได้ง่าย ทำให้เซลล์สร้างเส้นผมไม่ได้รับสารอาหารไปหล่อเลี้ยง จึงไม่สามารถสร้างเส้นผมที่หนาและแข็งแรงต่อไปได้
นอกจากการนอนไม่เพียงพอ และการสูบบุหรี่แล้ว การขาดการออกกำลังกาย และขาดโภชนาการอาหารที่ดีแล้ว การดื่มสุรามากเกินไปก็เป็นสาเหตุของการเสียสมดุลของวงจรชีวิตของเส้นผมได้เช่นกัน
ความเครียดมากเกินไป
เมื่อร่างกายมีความเครียดมากเกินไป กระเปาะผม (hair papilla) ที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้เกิดการงอกของเส้นผมจะทำงานได้ไม่ดี ดังนั้น จึงส่งผลให้เซลล์สร้างเส้นผมทำงานไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้ผมหลุดร่วงก่อนที่จะเติบโตเป็นเส้นผมที่แข็งแรง คอยขัดขวางการเจริญเติบโต ส่งผลให้เกินผลกระทบด้านลบเป็นวงจรไม่จบสิ้น
นอกจากนี้ ความเครียดจะทำให้ หนังศีรษะมีความแข็งกระด้าง ทำให้เลือดไปหล่อเลี้ยงได้ไม่ดี เมื่อสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเส้นผมได้ไม่ทั่วถึง การกระตุ้นไปยังเซลล์สร้างเส้นผมก็ไม่ดี เซลล์จึงไม่เกิดการแบ่งตัวสร้างผมใหม่ ส่งผลกระทบขัดขวางการเติบโตของเส้นผม
- สภาพหนังศีรษะที่ผิดปกติ
การดูแลหนังศีรษะผิดวิธี ทำให้ผิวบริเวณนั้นเกิดความผิดปกติ ส่งผลให้วงจรชีวิตของเส้นผมขาดสมดุล
ยกตัวอย่างเช่น แชมพูที่มีส่วนผสมที่ไม่ถูกกับหนังศีรษะ ทำให้เกิดการอักเสบ หรือแห้งกร้าน เป็นต้น
นอกจากนี้ จำนวนครั้งของการสระผม ยังส่งผลต่อสภาพหนังศีรษะด้วย การสระผมบ่อย ทำให้เกิดการชะล้างไขมันที่จำเป็นต่อหนังศีรษะมากจนเกินไป จนหนังศีรษะแห้งกร้าน ในขณะที่การสระทำความสะอาดไม่เพียงพอ จะเป็นสาเหตุของไขมันอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นต้นเหตุขัดขวางการเติบโตของเส้นผมเช่นกัน
เมื่อผมร่วงรุนแรง สิ่งสำคัญคือต้องหาต้นเหตุนั้นให้เจอ
ไม่เพียงแต่การใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงรักษาเส้นผม และยาปลูกผมโดยตรงเท่านั้น สิ่งสำคัญเมื่อมีปัญหาผมร่วงรุนแรง คือการหาสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงให้เจอ ซึ่งสาเหตุนั้นมีหลากหลายมาก อย่างที่ได้กล่าวไปแล้วว่า โดยส่วนมากมักเกิดจากสาเหตุของการใช้ชีวิต
การพิจารณาทบทวน วิถึการดำเนินชีวิต จะช่วยยับยั้งการเกิดผมร่วง ต่อไปจะขอแนะนำถึงวิธีการจัดการสาเหตุของการเกิดผมร่วงดังกล่าว
ทบทวนการดำเนินชีวิต โภชนาการอาหาร และปรับสภาพหนังศีรษะ
ในกรณีที่สาเหตุของอาการผมร่วงรุนแรงมาจากการดำเนินชีวิต โภชนาการอาหาร ดังนั้น หากสามารถปรับปรุงแก้ไขส่วนนี้ได้ ก็มีโอกาสสูงที่อาการจะดีขึ้น
ยกตัวอย่างเช่น หากสาเหตุมาจาก การนอนหลับไม่เพียงพอแล้ว ก็ต้องพยายามนอนให้พอ หรือหากสาเหตุมาจากโภชนาการ ก็ต้องควรระวังปริมาณไขมัน โซเดียม น้ำตาล สารปรุงแต่งในอาหาร และคอยรักษาบาลานซ์ของคุณค่าสารอาหาร
พยายามหลีกเลี่ยงการดื่มสุราและสูบบุหรี่เกินขนาด ออกกำลังอย่างน้อย 5 นาที ใน 1 วัน ก่อนนอนให้หมั่นยืดเส้นยืดสาย โดยพยายามระลึกเสมอว่า “จะปรับปรุงให้ดีขึ้นทีละน้อย” แล้วค่อยๆปรับวิถีชีวิตประจำวัน การปรับปรุงการดำเนินชีวิต โภชนาการอาหารเป็นความพยายามที่ต้องอาศัยเวลาระยะยาว เพื่อเป้าหมายของการบรรเทา ยับยั้งการเกิดผมร่วง
ผ่อนคลาย ลดความเครียดให้พอเหมาะ
ความเครียดที่พอเหมาะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายทำงานได้ดี แต่ความเครียดที่มากจนเกินไป ส่งผลต่อวงจรชีวิตของเส้นผม ทำให้ขาดสมดุล ดังนั้น ไม่ควรสะสมความเครียด ควรมีการผ่อนคลายและระบายความเครียด เพื่อไม่ให้วงจรเสียสมดุล
วิธีการที่ขอแนะนำคือ การเดิน หรือยืดเส้น ซึ่งเป็นการออกกำลังกายแบบใช้ออกซิเจน ซึ่งเป็นรูปแบบของการออกกำลังกายที่ไม่สร้างภาระให้กับร่างกายมากจนเกินไป แม้แต่คนที่ไม่ถนัดออกกำลังกายก็สามารถทำได้ง่าย และเป็นรูปแบบที่ช่วยส่งผ่านอากาศเข้าสู่ร่างกาย ช่วยคลายความเครียดได้ดีอีกด้วย
นอกเหนือจากการออกกำลังกายแล้ว การทำสปาศีรษะ (Head SPA) ถือเป็นกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นหนังศีรษะได้อย่างพอเหมาะพอดี ช่วยการเผาผลาญ รีแลกซ์ และกระตุ้นการไหลเวียนโลหิตไปเลี้ยงศีรษะได้ดี
ทบทวนการใช้แชมพู เพื่อรักษาความชุ่มชื้นและปรับสภาพหนังศีรษะ
การสระผมด้วยแชมพูทุกวันส่งผลกระทบอย่างยิ่งต่อทั้งเส้นผมและหนังศีรษะ ดังนั้น การพิจารณา ทบทวนเลือกใช้แชมพูให้เหมาะสม จึงเป็นสิ่งจำเป็น
ยกตัวอย่างเช่น การชะล้างมากเกินไป ก็ส่งผลเสียต่อทั้งเส้นผมและหนังศีรษะ ก่อให้เกิดอาการอักเสบ หรือทำให้หนังศีรษะแห้ง ในขณะที่การสระทำความสะอาดไม่เพียงพอ จะเป็นสาเหตุที่ทำให้ไขมันอุดตันรูขุมขน ซึ่งเป็นต้นเหตุขัดขวางการเติบโตของเส้นผมเช่นกัน สิ่งที่สัมพันธ์กับทั้งสองกรณีคือ การพิจารณาความเหมาะสมของปริมาณการสระล้าง มากไป หรือน้อยไปก็ไม่ดี โดยหลักแล้ว ไม่ควรสระผมเกิน 1 ครั้งต่อวัน
นอกจากนี้ ที่ควรพิจารณาก็คือ การเลือกใช้แชมพูทั่วไป หรือ สกัลป์แชมพูที่มีความอ่อนโยนด้วยกรดอะมิโน เนื่องจาก สกัลป์แชมพู ถูกคิดค้นมาเพื่อดูแลรักษาหนังศีรษะโดยเฉพาะ เหมาะสำหรับการใช้เพื่อปรับสภาพผิวหนังศีรษะ
ภายหลังจากการใช้แชมพูแล้ว ผิวจะแห้งง่าย ดังนั้นการใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผมต่อเนื่อง จึงเป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย
หากต้องการรักษาสุขภาพหนังศีรษะ เลือก “สกัลป์ แชมพู”
”โพลีเพียว สกัลป์ แชมพู” ถูกคิดค้นมาเพื่อผู้ที่มีความกังวลเรื่องผมบาง โดยปราศจากการใช้ส่วนผสมซิลิโคน นอกจากจะช่วยทำความสะอาดไขมันอุดตันรูขุมขนแล้ว ยังช่วยปรับสภาพหนังศีรษะอีกด้วย นอกจากนี้ ยังมีส่วนผสมจากสารสกัดสมุนไพร 24 ชนิด ที่ช่วยรักษาความชุ่มชื้น ทำให้ทั้งเส้นผมและหนังศีรษะมีสุขภาพดี
นอกจากนี้ ”โพลีเพียว สกัลป์แชมพู” ยังเหมาะที่จะใช้ร่วมกับ “โพลีเพียว อีเอ็กซ์” ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ฟื้นฟูเส้นผมจากซีรีส์เดียวกัน หากสิ่งสกปรกและความมันออกจากหนังศีรษะอย่างดี ส่วนผสมของครีมบำรุงผมก็จะกระจายตัวได้ง่ายขึ้น คุณจึงสัมผัสได้ถึงผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย